รอบชิงเหรียญทองแดง ฟุตบอลคนตาบอด ในเอเชียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 ที่ก่งซู่ คาแนล สปอร์ตส์ พาร์ก สเตเดียม เมืองหางโจว ประเทศจีน เมื่อวันเสาร์ที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา ทีมชาติไทย โคจรมาเจอกับคู่กัด ทีมชาติญี่ปุ่น อีกครั้ง โดยในรอบแรกเจ๊ากันมา 1-1

เกมนี้ เจอร์มัน อัลแบร์โต มาร์เกวซ กุนซือชาวอาร์เจนตินาของไทย จัดชุดที่ดีที่สุดลงสนาม 5 คนแรก นำทัพโดย “เต๋า” ปัญญาวุฒิ คุพันธ์ กัปตันทีม, พรชัย กสิกรอุดาลไพศาล (GK), ประครอง บัวใหญ่, กิตติกร บัวดี และ สมชาย มากอง ส่วน ญี่ปุ่น มี มาซากิ โกโตะ และ ไทชิ ฮิราบายาชิ เป็นตัวชูโรง
 
เปิดฉากมาทั้งสองทีมเปิดฉากแลกกันอย่างคู่คี่สูสี ผลัดกันรุกและรับ แต่ครบ 30 นาทีไม่สามารถทำประตูกันได้จบเกมเสมอกันไป 0-0 ต้องตัดสินทีมทีมชนะด้วยการดวลจุดโทษฝ่ายละ 3 คน

คนแรกของญี่ปุ่น ยูซึกิ โซโนเบะ ซัดหลุดกรอบ แต่ ปัญญาวุฒิ ครุพันธ์ ก็ยิงไปติดเซฟ ซูมิ เคนยา สกอร์ 0-0

ไทชิ ฮิราบายาชิ คนที่สองของซามูไรซัดไปซ้าย แต่ พรชัย กสิกรอุดาลไพศาล เซฟเอาไว้ และรณรส ภูนา ยิงไปตรงตัวนายทวารญี่ปุ่น สกอร์ยัง 0-0

ญี่ปุ่นส่ง คาวามูระ โร ห้องเครื่องตัวเก่งยิงเป็นคนที่สาม และยิงหลุดกรอบไปไกล ขณะที่ ประคอง บัวใหญ่ บรรจงซัดผ่านมือ ซูมิ เคนยะ บอลพุ่งเสียบคานเข้าไปตุงตาข่าย เป็นประตูชัยให้ ทีมชาติไทย เอาชนะ ทีมชาติญี่ปุ่น ในการดวลจุดโทษไปอย่างหวุดหวิด 1-0 และเป็นการย้ำแค้นให้แข้งซามูไรอีกครั้ง หลังจากที่เอาชนะจุดโทษและเขี่ยญี่ปุ่นตกรอบรองชนะเลิศฟุตบอลตาบอลชิงแชมป์เอเชียที่อินเดียเมื่อปี 2022

ทีมฟุตบอลตาบอดไทย ครองเหรียญทองแดงสำเร็จได้เป็นครั้งแรก จึงนับเป็นเหรียญประวัติศาสตร์ของทัพฟุตบอลคนตาบอดไทยในศึกเอเชียนพาราเกมส์