อธิบายแผนของ เอริก เทน ฮาก
เทน ฮาก กุนซือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เริ่มต้นด้วยการติดตั้งระบบ 4-2-4-0 เป็นการเพิ่มกองกลางไปอีก 2 คน รวมทั้งหมด 4 คน
4 แรก คือ แผงแบ็กโฟร์
2 คือ กลางรับ ค็อบบี ไมนู จับคู่กับ กาเซมิโร
4 หลัง คือ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ และ บรูโน แฟร์นันเดส โดยมี มาร์คัส แรชฟอร์ด เป็นปีกซ้าย และ อเลฮานโดร การ์นาโช เป็นปีกขวา
รูปแบบการยืนในระหว่างเกม สามารถยืน 4-4-2 หรือ 4-6-0 หรือ 6-4-0 ได้
4-4-2 คือ ใช้กลางสองตัวเป็น ไมนู กับ กาเซมิโร แล้วปีกสองฝั่งเป็น “การ์นา” และ “แรชชี่” ขณะที่ แม็คโทมิเนย์ และ บรูโน ทำหน้าที่เป็นหน้าตัวหลอกทั้งคู่ก็ว่าได้
พูดง่ายๆคือ เทน ฮาก ไม่มีกองหน้าตัวเป้า เพราะใช้ แรชฟอร์ด เป็นริมเส้น
แผนคือ ซื้อเกมรับ เน้นระเบียบวินัย ยืนเกะกะ รับให้แน่น แล้วอาศัยจังหวะสวนกลับเร็ว ฝากบอลไปที่ บรูโน ผู้ซึ่งรับบทเป็น ”False 9” โดยกัปตันปีศาจแดงจะวางบอลยาวหรือแทงทะลุช่องไปยังพื้นที่ว่างให้กับ แรชฟอร์ด หรือ การ์นาโช เพื่อให้คนใดคนหนึ่งใช้ความเร็วโจมตีหลังบ้านเจ้าถิ่น
ในแง่เกมรับ พวกเขาพยายามปิดพื้นที่ตรงกลาง ปิดพื้นที่ฮาล์ฟสเปซ และตั้งรับแคบ เป็นการบีบบังคับให้ แมนฯ ซิตี้ เจาะริมเส้น มากกว่าที่จะให้โจมตีตรงกลาง
อย่างไรก็ตาม พวกเขาดีได้แค่ครึ่งเดียว พวกเขาดูเนือยๆลงไปในครึ่งหลังสำหรับการยืนป้องกัน เพราะใช้พลังงานไปกับการเล่นเกมรับเยอะมาก และเริ่มเปิดพื้นที่ให้ผู้เล่นซิตี้ได้เจาะเข้ามาข้างใน ก่อนที่พวกเขาจะมาโดนรัว 3 ลูกในครึ่งหลัง
แถมการที่ เทน ฮาก ส่ง วิลลี คัมบวาลา (ลงมาเล่นแบ็กขวา) และ อันโทนี (ปีกขวา) ลงมาในนาทีที่ 69 และ 75 ตามลำดับ มันยิ่งกลายเป็นเป้าหมายของผู้เล่นเจ้าถิ่น
คัมบวาลา ไม่ได้ก่อความผิดพลาดร้ายแรงอะไร แต่เขาขาดการสนับสนุนเกมรับจาก อันโทนี ทำให้การยืนป้องกันทางกราบขวาของ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องรับมือทั้ง เควิน เดอ บรอยน์, ฮูเลียน อัลวาเรซ และ ฟิล โฟเดน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาเสียประตูที่สอง
แผนของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา
นายใหญ่ แมนฯ ซิตี้ ติดระบบ 3-2-4-1 เป็นเกมที่ 7 ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาต้องการเป็นฝ่ายควบคุมเกม
พวกเขาเน้นโจมตีทางกราบซ้ายเป็นหลักในครึ่งแรก โดยใช้ความเร็วของ เฌเรมี โดกู ปีกตัวจี๊ดคุกคาม ดีโอโก ดาโลต์ แบ็กขวา แมนฯ ยูไนเต็ด
อย่างไรก็ตาม ดาโลต์ รับมือกับ โดกู ได้อย่างยอดเยี่ยม อีกทั้งยังมี การ์นาโช และ กาเซมิโร ที่ถอยลงมาช่วยซ้อนและปิดพื้นที่ฮาล์ฟสเปซอีกต่างหาก ทำให้ โดกู เจาะเข้าไปลำบาก
แต่บ่อยครั้งที่จังหวะการเข้าทำของซิตี้ไม่ต่อเนื่องและช้า เมื่อบอลไปอยู่กับ โดกู นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ กวาร์ดิโอลา เปลี่ยนเขาออกในนาทีที่ 59
ครึ่งหลัง ทีมของ เป๊ป นอกเหนือจากโจมตีทางริมเส้นสองฝั่ง พวกเขายังคงพยายามเข้าทำพื้นที่ตรงกลางและฮาล์ฟสเปซ โดยเพิ่มสปีดการเข้าทำที่เร็วขึ้น ให้บอลแล้วเคลื่อนที่ ซึ่งมันก็ได้ผล เพราะว่าผู้เล่นยูไนเต็ดไม่ได้ยืนแน่นเหมือนครึ่งแรก และแผนของ เทน ฮาก ก็แตกไปในที่สุด
ฤดูกาลที่ดีที่สุดของ ฟิล โฟเดน
แนวรุกทีมชาติอังกฤษ วัย 23 ปี ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในศึกผ่าเมืองหนนี้ ด้วยการเหมาคนเดียว 2 ประตู
เท่ากับว่า ฤดูกาลนี้เขาซัดไปแล้ว 18 ลูก จากการลงสนาม 40 นัดทุกรายการ
2020/21 – ลงเล่น 50 นัดทุกรายการ ยิงไป 16 ตุง
2022/23 – ลงเล่น 48 นัดทุกรายการ ทำไป 15 ลูก
2021/22 – ลงเล่น 45 เกมทุกรายการ ยิง 14 ประตู
นอกจากนี้ มันเป็นประตูที่ 6 ของเขาอีกด้วย ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 4 ร่วมกับ เออร์ลิง ฮาลันด์ สำหรับแข้งที่ยิงประตูได้มากสุดในศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ (เฉพาะในพรีเมียร์ลีก)
แมนฯ ยูฯ จ่อทำลายสถิติของตัวเอง
จากความพ่ายแพ้ต่อเพื่อนบ้านล่าสุด ส่งผลให้ตอนนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้ไปแล้ว 11 เกมในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้
– 2013/14: แพ้ 12
– 2015/16: แพ้ 10
– 2018/19: แพ้ 10
– 2021/22: แพ้ 12
*2023/24: แพ้ 11 (ยังไม่จบฤดูกาล)
ตอนนี้สถิติแพ้มากสุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลเดียวของพวกเขาอยู่ที่จำนวน 12 เกม หากพวกเขาแพ้อีก 2 นัด มันจะเป็นการทำลายสถิติเดิมทันที